Nakornthai Bike

Contact Number : +662 3771701 , +662 3781900 , +6681 9145156

Line@ : @nakornthaibike  E-mail : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.  

Address : https://maps.app.goo.gl/oQzVaBu5EMmHhuyN6?g_st=ic



Nakornthai's talk

Nakornthai's talk

การแข่งขัน UCI โรด เวิล์ด แชมป์เปี้ยนชิปส์ 2012

Belgium’s Philippe Gilbert blasts to men’s road race victory on the Cauberg.

การแข่งขันจักรยานถนนประเภทชายชิงแชมป์โลกในวันอาทิตย์ที่ 23 กันยายน 2012 ที่ลิมเบิร์ก ประเทศฮอลแลนด์ สหพันธ์จักรยาน(UCI) ได้กำหนดระยะทางถึง 267 กิโลเมตร โดยให้ปั่นเป็นรอบ ในแต่ละรอบจะต้องผ่านเนินวัดใจสองเนิน เนินแรกคือ Bemelerberg ระยะทาง 900 เมตร ในอัตราไต่ 7% ตามมาด้วยสุดยอดเนินคลาสสิคคือ Cauberg ระยะทาง 1.5 กิโลเมตร อัตราไต่ 12% 

เริ่มการแข่งขันไปไม่ถึงครึ่งทาง ทีมจากสหราชอาณาจักรที่ส่งชุดใหญ่เข้าประจันมีทั้งฟรูม ( Chris Froome ) ที่เพิ่งคว้าเหรียญเงินโอลิมปิคประเภทบุคคลจับเวลา วิกกิ้นส์ ( Bradley Wiggins ) เหรียญทองและแชมป์ตูร์ เดอ ฟรองซ์ มาหมาดๆ แทบไม่น่าเชื่อว่านักปั่นจากเมืองผู้ดีหลากดีกรีก็เริ่มถอดใจ ไพร่พลจากทีมสกาย (TeamSky) กำลังคุมเปโลตอน(Peloton) อย่างอาจหาญก็เริ่มรวน เพราะความบอบช้ำจากการกรำศึกที่ยาวนาน ผนวกกับเส้นทางมหาหินและระยะทางมหาโหด ในกิโลเมตรที่ 111 ก่อนสิ้นสุดการแข่งขัน คาร์เวนดิชก็ชลอม้าศึกทักทายถ่ายรูปกับแฟนๆข้างถนนเอาดื้อๆ หมอหัวเสียและแสดงกิริยาที่นักกีฬาระดับโลกไม่ควรจะเอาเยี่ยง ระหว่างการแข่งขันมีผู้ชมคนหนึ่งทำป้ายที่ไม่สามารถระบุวัสดุแน่ชัดตีเข้าไปที่หมวกนิรภัยของคาร์เวนดิชอย่างไม่ตั้งใจ

หมอหัวเสียมากและภาพลักษณ์ของนักกีฬาอาชีพก็เริ่มศพไม่สวย เมื่อคาร์เวนดิชกล้าให้สัมภาษณ์บีบีซีว่าไอ้หมอนั่นทำให้ผมเจ็บผมกวาดสายตาหาหมอนั้นเมื่อปั่นวนมาอีกรอบ ผมเตรียมขวดน้ำสำหรับเจ้านั่นไว้แล้ว ฟรูม และวิกกิ้นส์ก็เก็บฉากลาโรง คาร์เวนดิชทิ้งท้ายว่าผมปั่นไปแค่ 140 กิโลเมตร แต่มันเหนื่อยยิ่งกว่า 250 กิโลเมตรของการแข่งชิงแชมป์โลกที่โคเปนฮาเกนเสียอีก ผมเลยถอนยวงหลังการไต่เนิน Cauberg มาได้แค่ 4 รอบ คาร์เวนดิชเคยดังเป็นพลุแตกเมื่อคว้าแชมป์โลก Men Elite Road Race ที่เมืองโคเปนฮาเกนปี 2011 นับเป็นนักจักรยานอาชีพชาวอังกฤษคนที่สอง ที่คว้าชัยประเภทนี้ได้หลังจาก Tom Simson ทำได้ในปี 1965 เหลือระยะทางอีก 81 กิโลเมตร กระทิงเปลี่ยวคอนทาดอร์ (Alberto Contador) ก็เริ่มพากลุ่มนำหนีโดยมีขุนศึกป็อปอายผู้เป็นหนึ่งในความหวังของชาวเมืองน้ำหอมโวคเล่อร์ (Thomas Voeckler) แชมป์ตูร์ฯ จ้าวภูเขาปีล่าสุดพ่วงตามมาด้วย การแข่งจักรยานแบบช่วงแล้วนับเวลารวมกับการแข่งแบบคลาสสิคนั้นต่างกันมากเราจะเห็นว่าถ้าทีมและตัวที่ถูกวางให้เข้าเส้นไม่แกร่งแบบเป็นเลิศ ทีมจะถูกนวดนาบด้วยระยะทางไกลและโหดเกินกว่านักจักรยานอาชีพทั่วไปจะทนได้

คาร์เวนดิช (Mark Cavendish) และวิกกิ้นส์ (Bradley Wiggins) ทีมจากสหราชอาณาจักร

เหลือระยะทางการแข่งขันอีกไม่มาก ซึ่งมันสอดคล้องกับจำนวนนักจักรยานที่เหลืออยู่ไม่กี่สิบคนจากนักปั่นชั้นเลิศสองร้อยกว่าชีวิต มาจากมากกว่าสี่สิบชาติ ทีมชาติเบลเยี่ยมที่แข็งแกร่งประดุจมาร์จิโน่ ไลน์ Marginot Line (แนวป้อมปราการศัตรูที่ฝรั่งเศสสร้างตามแนวชายแดนติดกับประเทศเยอรมัน) เริ่มตั้งขบวนไล่ล่ากลุ่มของคอนทาดอร์และโวคเล่อร์อย่างน่ากลัว ไพร่พลของทีมชาติเบลเยี่ยมรู้ดีว่าเหล็กในของพวกเขาพร้อมอยู่แล้ว ฝูงผึ้งงานเบลเยี่ยมกำลังพานักปั่นที่ช่ำของการกรำศึกแบบคลาสสิคมากที่สุดคนหนึ่งของโลกจักรยานอาชีพมาถึงหน้าเส้นแล้ว กิลแบลร์ ( Philippe Gilbert ) หนุ่มฉกรรจ์วัยสามสิบถ้วนๆ โปรจากทีม BMC ที่สามารถคว้าแชมป์รายการแข่งวันเดียว และการแข่งแบบคลาสสิคถึง 11 รายการมาแล้ว ดังนั้นเนินสุดท้ายของ Cauberg ที่ฆ่านักจักรยานที่เคยเย้ยหยันและหาญล้อเล่นกับมันมานักต่อนักระยะทางเนินยาวกิโลกว่ากลับกลายเป็นเสมือนเส้นทางสายไหมสำหรับเหล่า Marginot Line เหล็กกล้ากิลแบลร์กระชากตัวเองจากกลุ่มนักจักรยานที่ถูกทำลายความฝันที่จะได้เป็นแชมป์โลกด้วยเวลา 6 ชั่วโมง 10 นาที 41วินาที ตามมาด้วยขุนศึกไวกิ้ง ฮาเก้น (Edvald Boasson Hagen) รั้งมาอีก 5 วินาที เหรียญบรอนซ์ตกมาเป็นของกระทิงดุผมบางวัลแวร์เด้ ( Alejandro Valverde ) ตามหลัง Hagen มาอีก 5 วินาที 

(ซ้าย) Edvald Boasson Hagen (กลาง) Philippe Gilbert (ขวา) Alejandro Valverde

กิลแบลร์ป้อมปราการเหล็กจากเบลเยี่ยม ผู้อยู่ในเรือนร่างสูง 179 ซม. หนัก 67 กิโลกรัม เปิดใจว่า ถึงผมจะคว้าชัยการแข่งขันแบบวันเดียวและแบบคลาสสิคมามากมาย แต่รายการชิงแชมป์โลก UCI เป็นรายการที่มีความหมายที่สุดในอาชีพของผม ผมจะใส่เสื้อสายรุ้งทุกการแข่งขันตลอดหนึ่งปีเต็มครับ 

 

You are here: Home Nakornthai's talk การแข่งขัน UCI โรด เวิล์ด แชมป์เปี้ยนชิปส์ 2012