Nakornthai's talk
นรกโลกันตร์ทางตอนเหนือ Paris-Roubaix
คงไม่มีใครในแวดวงการแข่งจักรยานอาชีพจะปฏิเสธและไม่รู้จักมหากาพย์แห่งหนึ่งตำนานบทพิสูจน์ความเป็นยอดแห่งลูกผู้ชายตัวจริง ในการแข่งขันจักรยานรายการ Paris-Roubaix ดังประโยคที่กล่าวกันว่า If you want to test a man. You should put him in bike race Paris-Roubaix. ใช่ครับสุดยอดอีกหนึ่งรายการแข่งขันจักรยานแบบคลาสสิคก็คือ Paris-Roubaix มหากาพย์รายการที่ยิ่งใหญ่แบบคลาสสิคนี้กำลังจะระเบิดศึกขึ้นในต้นเดือนเมษายน รายการนี้ถูกจัดขึ้นทางตอนเหนือของประเทศฝรั่งเศสใกล้ชายแดนติดกับประเทศเบลเยี่ยม โดยได้รับการสนับสนุนจากสองผู้ผลิตเสื้อผ้าอาภรณ์สองโรงงานด้วยกันในมณฑลรูเบร์คือ Theodore Vienne และ Maurice Perez พวกเขาริเริ่มจัดการแข่งขันมาตั้งแต่ปี 1896 จนถึงปี 1967 โดยเริ่มต้นจุดการแข่งขันที่ใจกลางของกรุงปรารีสแล้วไปจบที่Roubaix(ฝรั่งเศสออกเสียงว่า รูเบร์) ตั้งแต่ปี 1968 ก็มีการเปลี่ยนจุดสตาร์ทใหม่มาที่ Compiegne ซึ่งเป็นเมืองที่ห่างจากปารีสมาทางตะวันออกเฉียงเหนือ 60 กิโลเมตร Paris-Roubaixเป็นรายการที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากว่า110ปีแล้ว จะหยุดการแข่งขันเพียงสองช่วงคือ ช่วงสงครามโลกทั้งสองครั้งโดยสงครามโลกครั้งที่ 1 หยุดการแข่งขันช่วง 1915-1918 ช่วงสงครามโลกครั้งที่สองหยุดการแข่งขันช่วงปี 1940-1942 รายการการแข่งขันรายการยักษ์นี้มีชื่อเสียงเพราะนักปั่นที่เข้าแข่งขันจะต้องควบจักรยานเป็นระยะทางไกลผ่านถนนขรุขระที่ปูลาดด้วยก้อน
ที่ขึ้นรูปมาจากหินแกรนิต(Cobblestones) หรือในภาษาอังกฤษเรียกว่า Sett อันหมายถึงคำสแลงว่า Belgian Block ถึง 28 ช่วงของการแข่งขัน ซึ่งในจำนวนนี้มีสามช่วงที่ถูกจัดว่าโหดมหาโหดคือ Trouee d’Arenberg, Mons-en-Pevele และ Carrefour de l’Arbre การแข่งขันต้องผ่านเส้นทางหฤโหดและธุรกันดารที่นักปั่นจะต้องใช้ทุกสิ่งทุกอย่าง แม้แต่โชคเพื่อไม่ใช่เพียงเป็นผู้ชนะเท่านั้น แต่เพียงเพื่อขอให้จบการแข่งขันก็ถือว่าเป็นยอดนักปั่นแล้วที่สามารถผ่านสมรภูมิโหดนี้มาได้ เส้นทางนรกทางตอนเหนือที่ใช้ในการแข่งขันในอดีตช่วงสงครามโลกมันเป็นสมรภูมิที่น่าสยดสยอง เพราะพื้นที่กว้างใหญ่ไม่มีต้นไม้สักต้น มันเต็มไปด้วยสนามเพลาะและหลุมระเบิด ผู้สื่อข่าวจากนิตยสาร L’Autoเคยพรรณาไว้ว่า “เหมือนเราถูกผลักเข้าไปในสนามรบที่พวกมันรวมหัวกันปฏิเสธการให้ชีวิตแก่ต้นไม้ทุกต้น ทุกอย่างราบเตียนโล่ง หลุมระเบิดเหมือนปล่องประตูนรกมีอยู่ทุกตารางเมตร ที่นี่คือ นรกชัดๆ มันไม่ใช่การแข่งขันจักรยาน แต่มันเป็นการลงทัณฑ์เพื่อความสาสมแก่มวลมนุษย์”
รายการ Paris-Roubaix นี้ได้รับการจัดเข้าไปในปฏิทินการแข่งขันของสหพันธ์จักรยานนานาชาติ(UCI) Paris-Roubaix ได้รับสมญานามมากมายอาทิ นรกทางตอนเหนือ Hell of the North, อาทิตย์แห่งโลกันต์ Sunday in Hell, L’Enfer du Nord, Queen of the Classic, The Easter race และเคยมีการนำความโหดของการแข่งขันมาสร้างเป็นภาพยนตร์ในปี 1976 The Queen of the Classics หรือ La Pascale การแข่งขันจัดควบคุมโดย Amaury Sport Organization มี ผู้อำนวยการจัดการแข่งขันคือ Jean-Francois Pescheux ซึ่งนับว่าเป็นการจัดการแข่งขันจักรยานที่มีอายุยืนยาวมากที่สุดรายการหนึ่ง
ควบคู่กับรายการ Ronde van Vlaanderen และ Gent-Wevelgem ตั้งแต่ปี 1977 เป็นต้นมาผู้ชนะรายการนี้จะได้รับรางวัลเป็นอิฐจากเบลเยี่ยมหรือเจ้า Cobble Stones เป็นหนึ่งในรางวัลเกียรติยศ เอกลัษณ์ของการแข่งขันเกิดขึ้นด้วยความวิบัติฉิบหายของพื้นถนนเมื่อเทียบกับจักรยานถนนที่ใช้แข่งขัน ผู้ชนะมิใช่จะเป็นผู้แข็งแรง มีทักษะสูงและโชคเข้าข้างเท่านั้น แต่จะต้องเป็นผู้พิสูจน์ตัวเองจากคำประท้วง การทะเลาะวิวาทมากมายจากนักแข่งคนอื่นๆอีกด้วย จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่จำนวนสองร้อยกว่าคนที่จุดปล่อยตัวจะเหลือรอดถึงเส้นชัยไม่ถึงหกสิบคน เส้นทางของการแข่งขันช่วงที่เป็นก้อนอิฐปูลาดนั้นได้รับการซ่อมแซมทุกๆปีจากอาสาสมัครที่เป็นกองเชียร์นักจักรยานกลุ่มที่ตั้งชื่อว่า Les Amis de Paris-Roubaix ซึ่งรวมตัวกัน
ตั้งแต่ปี 1983 และยังมีประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ต่างก็เข้ามาร่วมซ่อมแซมถนนช่วงเป็นหินก้อนปูลาดที่ใช้เป็นเส้นทางแข่งขันอีกมากมาย เพราะการแข่งขันทำให้ร้านค้าและบาร์ต่างๆหลังจากที่เปิดเพียงปีละครั้ง กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทั้งปีที่สร้างรายได้ให้กับคนท้องถิ่นอย่างมหาศาล มีการกะเกณฑ์เด็กนักเรียนจากหลายมณฑล มาช่วยกันซ่อมแซมถนนด้วยงบประมาณปีละหลายหมื่นยูโร เพราะการแข่งขันในอดีตทุกๆปีจะมีชาวเบลเยี่ยมข้ามพรมแดนมาเชียร์นักจักรยานของประเทศตน และเมื่อการแข่งขันในแต่ละปีจบลงชาวเบลเยี่ยมก็มิได้กลับบ้านมือเปล่า เพราะพวกเขาจะขุดเอาหินแกรนิตก้อนที่ปูพื้นถนน รวมทั้งหลักกิโลเมตรกลับไปเป็นของที่ระลึกอีกด้วย
ผู้ชนะรายการ Paris-Roubaix คนแรกคือ Josef Fisher นักปั่นชาวเยอรมัน ส่วนผู้ชนะมากที่สุดสี่ครั้งมีอยู่สองนักปั่นคือ Roger De Vlaeminck และ สลาตัน Tom Boonen ชาวเบลเยี่ยมทั้งคู่ โดย Boonen เพิ่งคว้าชัยชนะเมื่อปีที่แล้วด้วย ม้าศึกสำหรับการประจันในศึกโลกันตร์ทางตอนเหนือ Paris-Roubaix
การแข่งขันราชินีแห่งคลาสสิคเป็นรายการที่ท้าทายอย่างยิ่งยวดไม่ใช่เฉพาะนักจักรยานเท่านั้น ผู้ที่ทำงานทีมให้การสนับสนุนนักจักรยานและม้าศึกก็ต้องมีส่วนสำคัญเช่นกัน โครงรถจักรยานและล้อ คือหัวใจที่สำคัญ นักแข่งบางคนใช้ยางที่มีขนาดหน้ากว้างขึ้น มีระบบใช้การห้ามล้อที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น หลายทีมจะส่งเจ้าหน้าที่ทีมรอคอยตรงจุดเป็นห้วงๆล่วงหน้าด้วยล้ออะหลั่ย นับตั้งแต่หลังจากสงครามโลกครั้งที่สองล้อจักรยานถูกขึ้นรูปด้วยไม้ การพัฒนาปรับเปลี่ยนเริ่มมีขึ้นมาเป็นระยะ การแข่งในปี 1970 Francesco Moser เริ่มใช้โฟมมาพันคันบังคับเลี้ยวเป็นครั้งแรก ปี1990 Gilbert Duclos-Lassalle และ Greg Lemond ถูกทดสอบให้ม้าศึกของพวกเขาติดตั้งชุดซับแรงกระแทกที่ตะเกียบหน้า Tom Boonen ใช้โครงรถรุ่นพิเศษของTimeที่ออกแบบให้มีฐานล้อ(Wheel Base)ยาวเหมือนจักรยานเสือภูเขาเพื่อการทรงตัวในทางวิบากที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น และ Boonen ก็สามารถคว้าชัยชนะในปี2005 ทำให้จักรยานถนนที่มีฐานล้อยาวพิเศษได้รับการติดตั้งเข้ามาจำนวนไม่น้อย Trek ก็ไม่น้อยหน้าติดตั้งยางซับแรงกระแทะให้กับม้าศึกของ George Hincapie พ่อกระโดงคางมัดใจสาวที่ตรงตะเกียบหลัง เพื่อให้มีช่วงยุบตัวได้ 2 มิลลิเมตร ในปี 2004 Peter Van Petegem วิศวกรของ Time ได้ขยายความยาวของระยะจุดหมุนของล้อหลังกับกระโหลกจาก 403 มม.เป็น 419 มม. และขยายความยาวของจุดหมุนล้อหน้ากับกะโหลกจาก 600 มม.เป็น 605 มม. ตะเกียบหน้าถูกขยายให้ยาวขึ้นจาก 367.5 มม.เป็น 372 มม.เพื่อรองรับยางที่มีหน้ากว้างหนาถึง 28 มม. ชุดตลับเฟืองท้ายเปลี่ยนจากเหล็กมาเป็นโลหะผสมน้ำหนักเบาและเพิ่มความสูงของเฟืองขึ้นอีก 5 มม.จากเฟืองปกติ ม้าศึกส่วนใหญ่ที่ใช้แข่งรายการนี้ต่างยกระดับความสูงของคันบังคับเลี้ยว ก็เพื่อลดอาการล้าให้กับนักปั่นเพราะการก้มตัวมากๆเพื่อหลักอากาศพลศาตร์ลดความสำคัญลงไปมากกับการแข่งในนรกทางตอนเหนือ
Yves Hezard เจ้าหน้าที่จากบริษัท Mavic กล่าวว่า “การแข่งขัน Paris-Roubaix ในอดีตทีมสนับสนุนจะต้องเปลี่ยนล้อให้กับนักจักรยานเป็นบ้าเป็นหลัง ทั้งยางแตกและล้อถูกแรงกระแทกกระทำจนผิดรูป แต่ในปัจจุบันคุณภาพของล้อและยางพัฒนาไปมาก เมื่อห้าปีที่แล้ว เพียงนักจักรยานทีมเดียวเราต้องเปลี่ยนล้อให้เป็นร้อยวง ปัจจุบันเหลืออัตราเฉลี่ยที่ 20 วงเท่านั้น ทุกวันนี้โลหะวิทยาของการผลิตจักรยานพัฒนาไปมาก ปัญหาใหม่ของทีมการให้การสนับสนุนนักจักรยานยุคปัจจุบันคือ เมื่อเกิดปัญหาเราจะต้องรู้ทันทีว่าพวกเขาใช้ชุดขับ ล้อของค่ายไหนกันแน่ ชิมาโน่ มาวิคหรือกัมปาลโยโร่ เมื่อมีนักจักรยานยางแตก พวกเราทีมสนับสนุนต้องคำนึงถึงว่านักจักรยานคนนั้นใช้ล้อและโครงรถที่ขึ้นรูปจากวัสดุอะไร ไททาเนี่ยม, คาร์บอนไฟเบอร์หรือโลหะผสม ”
สถิติการแข่งขัน Paris-Roubaix ที่น่าสนใจ
นักปั่นชาติที่ได้รับชัยชยะมากที่สุดคือ เบลเยี่ยม ชนะถึง 55 ครั้ง, ฝรั่งเศส 28 ครั้ง, อิตาลี่ 13 ครั้ง, เนเธอแลนด์ 5 ครั้ง, สวิตเซอร์แลนด์ 4 ครั้ง, ไอร์แลนด์ 2 ครั้ง และ เยอรมันนี , ลักแซมเบิร์กม, สวีเดน , อูเครนและออสเตรเลียชาติละ 1 ครั้ง
สถิติอื่นในการแข่งขันจักรยาน Paris-Roubai xที่น่าสนใจ
- นักจักรยานที่ปั่นครบระยะทางการแข่งขันมากที่สุดถึง 16 ครั้งคือ Raymond Impanis1947-1963)และ Servais Knaven()1995-2010 ส่วนที่ปั่นครบถึง 15 ครั้งคือ Gilbert Duclos-Lassalle
- นักจักรยานที่มีอายุมากที่สุดและสามารถชนะการแข่งขัน คือ Gilbert Duclos-Lassalle อายุ 38ปี กับอีก 8 เดือน
- การชนะที่ใช้เวลาห่างกันมากที่สุดระหว่างที่หนึ่งและที่สองคือ 5 นาที 21 วินาที Eddy Mercxx ชนะ Roger De Vlaeminck ปี 1970
- การชนะด้วยระยะประชิดที่สุด คือ 1 เซ็นติเมตร เมื่อEddy Planckaert เอาชนะ Steve Baure ในปี1990
- ชัยชนะที่ต้องใช้เวลาปั่นมากที่สุดคือ 12 ชั่วโมง 15 นาที ในปี11919 เพราะHenri Pelissier ต้องฝ่าหลุมระเบิดจากการยิงถล่มในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง
- นักปั่นที่หนีกลุ่มได้ไกลที่สุดและได้รับชัยชนะ คือ Dirk Demol ในปี 1988 เขาสามารถโจมตีหนีกลุ่มด้วยระยะทาง 222 กิโลเมตร