Nakornthai Bike

Contact Number : +662 3771701 , +662 3781900 , +6681 9145156

Line@ : @nakornthaibike  E-mail : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.  

Address : https://maps.app.goo.gl/oQzVaBu5EMmHhuyN6?g_st=ic



Nakornthai's talk

Nakornthai's talk

Giro d’Italia ไตรมหากาพย์แห่งราชันย์ทางเรียบ (ภาค 3)

1956-1967: แผ่นดินอิตาลี่สั่นสะเทือนจากผู้ท้าทาย

Giro ในปี 1956 ขอดความเข้มข้นของการแข่งขันมาอยู่ที่การแข่งขันในช่วงที่ 21 ซึ่งเป็นช่วงของการแข่งขันในช่วงสุดท้าย  เป็นเส้นทางจากMerano ถึงยอดเขาBondone  ซึ่งเป็นยอดเขาที่อยู่ในเขตDolomites ซึ่งเส้นทางนี้ก็เป็นบททดสอบสำคัญของGiro ประจำปี 2013 ที่นักจักรยานจะต้องปั่นผ่านเช่นกัน  การแข่งขันGiro ในปี1956นักปั่นต้องออกจากการแข่งขันถึงหกสิบคนในช่วงการแข่งขันนี้  รวมถึงนักจักรยานผู้ที่มีเวลารวมนำนักจักรยานคนอื่นๆด้วย คือ Pasquale Fornara เนื่องจากอุณหภูมิบนเทือกเขาลดต่ำลงถึงลบสิบองศา(14ฟาเรนไฮด์)  แต่นักปั่นอย่าง Charly Gaul แกร่งและกร้าวพอที่กล้ารับมือกับอากาศเลวสุดขั้ว Gaul โจมตีหนีนักจักรยานคนอื่นๆจนได้รับชัยชนะ  หลังจากGaul เข้าเส้นชัยหมอถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลในสภาพปางตาย   โดยที่เสื้อใส่แข่งขันแข็งเป็นน้ำแข็งดูดติดกับผิวหนัง  Gaul เป็นชาวลักแซมเบิร์กคนแรกที่สามารถชนะGiroได้สำเร็จ  มาในปี 1957 Gaul ติดใจและกลับมาลงสนามประลองยุทธ์อีกครั้ง  หลังจากสิบแปดช่วงของการแข่งขันหนุ่มฉกรรจ์จากลักแซมเบิร์กทำเวลารวมมาเป็นที่หนึ่ง  แต่อย่างที่เคยเกริ่นไปแล้วว่าเมล็ดพืชเพียงเมล็ดเดียวอาจเปลี่ยนผลแห่งการศึก  เช่นกันในGiroปี1957 เพียงหยุดฉี่เพียงครั้งเดียวก็สร้างความวิบัติให้กับชัยชนะได้ ขณะที่Gaul จอดจักรยานปัสสาวะ คู่แข่งขันที่ทำเวลาไล่หลังมาอย่างLoulson Bobet, Gastone Nencini และ Miquel Poblet ก็โกยแน่บ  และ Nencini ก็คว้าชัยไปครอง

ปี 1958 ชัยชนะยังอยู่กับนักปั่นอิตาเลี่ยน  ไม่ต้องเป็นที่แปลกใจที่ชัยชนะจะตกเป็นของ Ercole Baldini ที่เพิ่งคว้าแชมป์รายการ Men’s Road Race World Championship และ Italian Men’s Road Race ส่วนตำนานอิทาเลี่ยนจ๊อบอย่าง Fausto Coppi เข้าแข่งขันGiroเป็นครั้งสุดท้าย และ Coppiได้เสียชีวิตอีกสองปีต่อมา  ปี1959 เป็นการต่อสู้กันระหว่างนักปั่นต่างชาติสองคน  โลกแห่งจักรยานอาชีพเริ่มเห็นการฉายแววของหนุ่มนักปั่นแดนเมืองน้ำหอมอย่าง Jacques Anquetil Anquetil ต่อสู้อย่างสมศักดิ์ศรีกับนักปั่นลักแซมเบิร์กGaul  ในขณะที่นักปั่นฝรั่งเศสกำลังมีเวลารวมนำหน้า  Gaul ทนรอต่อไปไม่ไหวหมอโจมตีทิ้งระเบิดลูกสุดท้ายหนีตีจากตั้งแต่ Piccolo San Bernardo  นักปั่นฝรั่งเศสแผ่วปลายและตามไม่ทันอย่างเห็นได้ชัด  เนื่องจาก Anquetil มีปัญหาเรื่องการทานอาหาร  และปริมาณสารอาหารจึงไม่พอเพียงที่จะให้กำลังงานการปั่นได้ตลอดรอดฝั่ง Gaul สามารถครองชัยชนะโดยทิ้งนักปั่นฝรั่งเศสถึงสิบนาที

ปี 1960 นักปั่นฝรั่งเศสก็ทำสำเร็จ  ในการแข่งขันช่วงที่ 14 ซึ่งเป็นการแข่งขันแบบจับเวลาบุคคลเส้นทางจาก Seregno ถึง Lecco นักจักรยานฝรั่งเศสทำเวลารวมออกนำหน้า  ในขณะที่ Gastone Nencini เปิดฉากโจมตีเพื่อจะกระชากแย่งความเป็นผู้นำกลับคืนมา  แต่ในท้ายที่สุดนักปั่นฝรั่งเศสเกาะติดจนเวลารวมนำNencini28 วินาทีเฉือนกำชัยชนะได้อย่างเฉียดฉิว  Anquetil กลับมาย้ำชัยชนะอีกในGiroปี1964 หลังจากหมอแสดงให้วงการจักรยานอาชีพตระหนักแล้วว่าเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญและแข็งแกร่งที่สุดในการแข่งแบบจับเวลาบุคคล  นักปั่นเมืองน้ำหอมเริ่มทำเวลารวมทิ้งห่างนักปั่นคนอื่นตั้งแต่ช่วงที่ห้า  และจากนั้นจนถึงกรุงมิลานไม่ใครสามารถแซงหน้านักปั่นฝรั่งเศสรูปงามคนนี้ได้เลย  เท่านั้นยังไม่พอเมื่อฟอร์มกำลังระเบิดฮ้อตสุดยอด   Anquetil ก็คว้าแชมป์ Tour de Franceในปีนั้นอีกด้วย  นับเป็นนักปั่นเพียงคนที่สองที่สามารถคว้าชัยในระดับแกรนทัวร์ถึงสองรายการภายในปีเดียว ปี1965Giro ได้เริ่มนำชื่อการแข่งขัน Cima Coppi มาใช้เพื่อเป็นเกียรติแก่นักปั่นอิทาเลี่ยนที่มีชื่อเสียง คือ Fausto Coppi  Cima Coppi เป็นจุดที่เรียกยอดเขาที่มีความยากสูงสุดสูงกว่าทุกระดับที่บัญญัติไว้ในสารบบของการแข่งขันระดับแกรนด์ทัวร์  ปีถัดมาGiroได้เริ่มมีการมอบคะแนนให้กับนักจักรยานที่เร่งความเร็วเข้าในจุดที่กรรมการกำหนดก่อน (Sprinter) ปี1967 Felice Gimomdi โจมตีในช่วงทางลงเขาที่ Tonale และสามารถแซงหน้า Anquetil และสามารถชนะนักปั่นที่ยิ่งใหญ่จากฝรั่งเศสไปด้วยเวลาสามนาที    และโลกก็ต้องเริ่มหันมาจับตามองนักปั่นหนุ่มจากเบลเยี่ยมที่เริ่มฉายแววของความเป็นตำนานแห่งวงการจักรยานอย่าง Eddy Merckx ที่เริ่มเก็บชัยชนะอย่างเงียบๆด้วยสองช่วงการแข่งขันคือ ช่วงที่ 12 และช่วงที่ 14

Giro ปี 1968-1996: ช่วงเวลาแห่งการครอบครองของนักปั่นต่างชาติ

ปี 1968 เป็นปีแรกที่การแข่งขันจักรยานระดับแกรนด์ทัวร์เริ่มหันมาใส่ใจเกี่ยวกับการใช้สารกระตุ้นของนักกีฬาจักรยานอย่างจริงจังเป็นรูปเป็นร่าง  มีการตรวจหาสารกระตุ้นก่อนการแข่งขันจะเริ่มขึ้น   จนมีนักจักรยานที่ตรวจสอบพบสารกระตุ้นถึงแปดคน  และเป็นปีแรกที่คณะผู้จัดการแข่งขัน บรรจุการแข่งจับเวลาบุคคลเป็นการแข่งขันของวันแรก(Prologue)   หินผาจากเบลเยี่ยมเริ่มต้นสร้างตำนานที่ยิ่งใหญ่ด้วยการเก็บชัยชนะ Giroในปีนั้น     หลังจากที่คว้าชัยในช่วงที่ยี่สิบพิชิตยอดเขาTre Cime di Lavaredo  ปี 1969 Merckx กลับมามีเวลารวมนำหลังจากการแข่งขันผ่านไป 16 ช่วง แต่แล้วมันไม่ใช่เวลาของเขา Merckx ถูกตรวจพบสารกระตุ้นและถูกให้ออกจากการแข่งขัน  จนถึงปัจจุบัน Merckx ยังยืนกรานถึงความบริสุทธิ์ของตนมาตลอด  หลังจากที่นักปั่นเบลเยี่ยมกระดอนออกจากการแข่งขัน Felice Gimondi ก็เข้ามาคว้าชัยชนะ Giro แทน

Merckx ยังคงเก็บเกี่ยวชัยชนะเพื่อสร้างตำนานให้ศักดิ์ศรีเกียรติยศแห่งตนอย่างไม่หยุด  หมอชนะ Giro ปี1970 รวมถึงชนะTour de France นับเป็นนักปั่นระดับตำนานคนที่สามที่สามารถชนะแกรนด์ทัวร์สองรายการใหญ่ได้ภายในปีเดียว  ปี1972 Giroในปีนั้น Merckx ตัดสินใจโจมตีในช่วงการแข่งขันช่วงที่ 7 และหมอก็โซโลเดี่ยวไปจนจบการแข่งขันไร้คู่แข่งที่จะมาทัดทานความยิ่งใหญ่ของนักปั่นเบลเยี่ยมผู้นี้ได้     ปี1973 เป็นอีกปีที่ Merckx เขย่าวงการจักรยานอาชีพให้สั่นไหว  สลาตันเบลเยี่ยมออกนำคว้าชัยของทุกช่วงการแข่งขัน   และนับว่า Merckx เป็นนักจักรยานคนที่สองต่อจาก Alfredo Bindaที่สามารถทำสถิติที่น่าทึ่งนี้ไว้ได้ในอดีต  ปี1974 Jose Manuel Fuente เป็นผู้นำในช่วงแรกจนถึงการแข่งขันถึงช่วงที่ 14  และในคืนนั้นเอง Fuenteก็มีปัญหาในเรื่องทานอาหาร  เมื่อการแข่งขันวันรุ่งขึ้นเริ่มต้นหมอจึงเสียเวลาไปให้นักปั่นเบลเยี่ยมถึงสิบนาที  ทำให้ Merckx เก็บชัยชนะGiroเป็นสมัยที่ห้า  ทำให้เขามีสถิติขึ้นตำนานเท่าเทียมกับAlfredo Binda และ Fausto Coppi  แต่ใครจะยิ่งใหญ่และดุดันเท่า Merckxเสมอเหมือน  เพราะในปีนั้นหมอสามารถชนะTour de France ชนะ แชมป์โลกจักรยานถนน  Merckx จึงเป็นตำนานนักจักรยานอาชีพคนแรก    ที่สามารถครองถึงสามมงกุฏแชมป์ภายในปีเดียว    และ Merckxสิ้นสุดการแข่ง Giro ในปี1976โดยเขารั้งตำแหน่งเวลารวมมาในอันดับที่แปด

ปี 1980 Bernard Hinault เริ่มเข้ามาแข่งขัน Giro และสามารถคว้าชัยชนะไปครองหลังจากได้รับการช่วยเหลือจากเพื่อนร่วมทีมอย่างJean-Rene Bernaudeau  ทั้งคู่ผลัดกันนำหนีห่างนักจักรยานอื่นๆจนถึงกรุงมิลาน  ในปี1982 Hinault กลับมาอีกครั้งและสามารถชนะทั้งช่วงการแข่งขันและการแข่งแบบบุคคลจับเวลาที่ Campitello Matese และ Montecampione Hinault สามารถกวาดชัยชนะทั้ง Giro d’Italia และ Tour de France ปี1984เป็นการประลองเชิงกันระหว่างนักปั้นอิตาเลี่ยนFrancesco Moser กับนักปั่นฝรั่งเศส Laurent Fignon นักปั่นอิตาเลี่ยนทำเวลารวมนำมาตลอดจนถึงช่วงการแข่งขันขึ้นเขา ในช่วงที่ยี่สิบที่ Arabba  นักปั่นอิทาเลี่ยนกลับมาถูกนักปั่นฝรั่งเศสนำไปสองนาที  จากนั้นMoser ก็เอาคืนได้ในทางราบและเฉือนคว้าชัยเหนือนักปั่นฝรั่งเศสไปได้ในที่สุด

ปี 1985 นักปั่นอิตาเลี่ยน Roberto Visentini มีเวลารวมนำ ในช่วงแรกๆของการแข่งขัน  แต่หลังจากช่วงที่สิบสองในการแข่งขันบุคคลจับเวลา  Hinault ก็สามารถกลับมานำและสร้างสถิติให้กับตัวเองด้วยการเป็นแชมป์Giro สามสมัย ปี1987 เป็นปีที่เกิดสถิติที่น่าทึ่งเกินกว่าที่เราจะไม่นำมากล่าวถึง  Stephen Roche ออกทำเวลารวมนำอย่างน่าทึ่ง  แต่หลังจากประสบอุบัติเหตุในการแข่งช่วงที่ 13 หมอก็เสียตำแหน่งผู้นำให้กับ Roberto Visentini จากนั้นเมื่อการแข่งในช่วงที่ 15 มาถึงซึ่งเป็นช่วงของการขึ้นเขา  Roche กลับมาแข็งแกร่งและทวงคืนผู้นำโดยการโจมตีหนีกลุ่มและเป็นการตัดสินใจที่ฝืนคำสั่งผู้จัดการทีมของตน     แต่Roche ก็ทำสำเร็จ  และยังไม่หนำหมอไปคว้าชัยTour de France และแชมป์โลกต่อเข้าไปอีก  Roche จึงเป็นนักจักรยานอีกคนหนึ่งที่สร้างตำนานครองทั้งสามมงกุฎในปีเดียว  ปี1988 เป็นGiro อีกปีที่ต้องประสบกับสภาพอากาศที่เลวร้ายที่ปกคลุมไปด้วยความหนาวเหน็บและมืดมิดเกือบตลอด14ช่วงการแข่งขัน  และในช่วงทางลงเนินที่ Gavia  นักปั่นAndrew Hampsten และ Erik Breukinkทิ้งกลุ่มนักจักรยานออกห่าง  ในช่วงการแข่งขันช่วงนั้น Breukink ชนะช่วงการแข่งขัน ในขณะที่Hampsten(ชาวอเมริกัน)ชนะประเภททั่วไป  นับเป็นครั้งแรกของGiro ที่นักจักรยานมิใช่คนเชื้อชาติยุโรปชนะการแข่งขัน   ปี1992 ดาวอีกดวงหนึ่งก็เริ่มฉายแสง Miguel Indurain เป็นนักปั่นชาวสเปนคนแรกที่ชนะการแข่งขันGiro d’Italia นักปั่นจากแดนกระทิงดุทำได้ดีทั้งในการแข่งแบบช่วงและบุคคลจับเวลา  Indurain ยังไปคว้าชัยชนะTour de France ได้อีกในปีเดียวกัน

Indurain กลับมาอีกในปี1993 เพื่อป้องกันแชมป์  และหมอก็ทำสำเร็จโดยมีนักจักรยานเพียงคนเดียวที่ขับเคี่ยวกับนักปั่นกระทิงดุอย่างถึงพริกถึงขิงอย่างนักปั่นชาวแลตเวีย Piotr Ugrumov  โดย Endurain ชนะสองช่วงการแข่งขันที่เป็นการแข่งจับเวลาบุคคล ปี1996 หนังสือพิมพ์ทางด้านกีฬาผู้ก่อตั้งการแข่งขัน Giro La Gazzetta dello Sport จัด Giro ให้พิเศษเพื่อฉลองครบอายุ 100 ปี โดยการย้ายไปประเดิมการแข่งขันสามช่วงในดินแดนของประเทศกรีซ  นักปั่นรัสเซีย Pavel Tonkovมีเวลารวมนำจนถึงช่วงการแข่งที่ 13 ใน Prato  Nevoso แต่เมื่อการแข่งขันมาเจอกับขุนเขาทั้งห้าลูกที่ตระหง่านอยู่ขวางหน้า Tonkov ก็เสียความเป็นผู้นำให้กับ Abraham Olano   ในช่วงการแข่งขันในช่วงสุดท้ายหลังจากช่วงที่21 Tonkov ก็กลับมาและทวงคืนความเป็นผู้นำจนจบการแข่งขันที่มิลาน

1997-2007: การกลับมาของนักปั่นอิตาเลี่ยน

เจ้าหมีซาร์ Tonkov กลับมาในปี1997 เพื่อจะรักษาตำแหน่งแชมป์Giro โดยมีเวลารวมนำจนถึงช่วงการแข่งขันช่วงที่ 14 แต่ขณะที่การแข่งขันอยู่ในช่วงที่ 14 นั้นเอง Ivan Gotti ก็โจมตีที่ Breuil-Cervinia  และGotti ก็ทำให้หมีรัสเซียTonkov ฝันสลายคว้าชัยไปครองแทน  Giroปี1998 นักปั่นสวิส Alex Zulle เริ่มออกนำจนการแข่งขันไปถึงDolomites  สองนักปั่นอิตาเลี่ยน Giuseppe Guerini และMarco  Pantani ก็แยกตัวออกนำกลุ่มในช่วงที่ 17 ซึ่งเป็นช่วงขึ้นเขา  Guerini ชนะในช่วงการแข่งขันนั้น ส่วน Pantani ชนะGiro และพ่วงด้วยชัยชนะTour de France อีกรายการหนึ่ง

Pantani กลับมาอีกครั้งในGiro ปี1999 ในสภาพร่างกายที่แกร่งสุดๆ  และหมอสามารถมีเวลารวมนำหลังการแข่งในช่วง 14 เสร็จสิ้นด้วยการกำชัยสามช่วงการแข่งขัน     แต่เมื่อเช้าของการจะแข่งขันในช่วงที่ยี่สิบจะมาถึง  Pantani ไม่ได้มาเซ็นชื่อเพื่อเข้าร่วมการแข่งขัน  เนื่องจากผลการตรวจเลือดของเขาที่เมื่อแยกพลาสม่าออกมาแล้วมีปริมาณเม็ดเลือดแดงเกิน 50 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งทางสหพันธ์จักรยานนานาชาติที่ควบคุมการแข่งขันถือว่าเป็นการโด้ป  Ivan Gotii จึงคว้าชัยไปครองนับเป็นการชนะรายการGiro เป็นครั้งที่สองในสถิติอาชีพนักจักรยานอาชีพของ Gotti Giro ในปี 2000 เป็นการปั่นแบบโซโลเดี่ยวและมีเวลานำหน้าคู่แข่งของ Francesso Casagrande หลังจากผ่านไปเก้าช่วงของการแข่งขัน  แต่ในช่วงท้ายก่อนสิ้นสุดการแข่งขันอาการยุบก็เกิดขึ้นกับ Casagrande  หมอปล่อยให้ Stefano Garzelli คว้าชัยไปครองแทน

ปี 2001 Dario Frigo เป็นผู้นำหลังจากการแข่งขันไปได้สี่ช่วง  Frigo ป้องกันความเป็นผู้นำรวมได้จนถึงช่วงที่ 13 เมื่อการแข่งขันผ่านจุดดับอนาคตนักปั่นคือ Dolomites     Gilberto Simoni ก็โจมตีและกระชากเสื้อชมพูมาจากFrigo สำเร็จ  Frigoพยายามจะเอาคืนในการแข่งบุคคลจับเวลาแต่ไม่สามารถกลับมาเป็นผู้นำได้สำเร็จ  Simoni คว้าแชมป์ Giroปี2001ไปครอง  ปี2002 Stefano Garzelli เริ่มนำในสองช่วงแรก  แต่แล้วGarzelli ก็ถูกตรวจพบสารกระตุ้นทำให้ต้องออกจาการแข่งขัน  Paolo Savoldelli จึงโจมตีตอนขึ้นเข้าในช่วงการแข่งขันช่วงท้ายด้วยระยะทาง 9 กิโลเมตรคว้าแชมป์ไปครองแทน

ปี 2003 Alessandro Petacchi เริ่มออกนำเมื่อช่วงแรกของการแข่งขันมาถึง ต่อมาหมอต้องสูญเสียตำแหน่งผู้นำให้กับ Stefano Garzelli ในช่วงการแข่งขันช่วงที่เจ็ดที่เป็นทางขึ้นเขาที่Terminillo  และในช่วงที่สิบของการแข่งขัน Garzelliก็สูญเสียความเป็นผู้นำให้กับ Simoni  และ Simoni ก็สามารถเหนี่ยวตำแหน่งแชมป์มาครองได้สำเร็จ 

 

You are here: Home Nakornthai's talk Giro d’Italia ไตรมหากาพย์แห่งราชันย์ทางเรียบ (ภาค 3)